Lo
Lo2025-05-18 10:04

ระดับ Pivot Point คืออะไร?

What Are Pivot Point Levels in Trading?

ระดับจุดศูนย์กลาง (Pivot Point Levels) เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่นักเทรดและนักลงทุนใช้เพื่อระบุโซนแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ในตลาดการเงิน เดิมทีได้รับความนิยมในกลุ่มเทรดเดอร์บนพื้นตลาดในช่วงทศวรรษ 1980 เครื่องมือนี้ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของสินทรัพย์หลากหลายประเภท รวมถึงหุ้น, ฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในคริปโตเคอร์เรนซี จุดประสงค์หลักคือช่วยให้ผู้เข้าร่วมตลาดสามารถประมาณแนวโน้มโดยรวมและระบุระดับราคาสำคัญที่อาจเกิดการกลับตัวหรือ breakout ได้

ในแก่นแท้แล้ว จุดศูนย์กลางทำหน้าที่เป็นระดับอ้างอิงกลางซึ่งได้มาจากข้อมูลการซื้อขายก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะราคาสูงสุด ต่ำสุด และราคาปิดของเซสชันก่อนหน้า ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลนี้พร้อมกับระดับแนวรับ-แนวต้านที่คำนวณจากมัน นักเทรดสามารถพัฒนากลยุทธ์สำหรับจุดเข้า-ออกที่มีข้อมูลประกอบมากขึ้น

How Are Pivot Points Calculated?

การคำนวณจุด pivot เป็นเรื่องง่ายแต่สำคัญต่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ จุด pivot หลัก (PP) คำนวณด้วยสูตรดังนี้:

[ \text{Pivot Point} = \frac{\text{High} + \text{Low} + \text{Close}}{3} ]

โดย:

  • High หมายถึง ราคาสูงสุดในช่วงเวลาการซื้อขายก่อนหน้า
  • Low หมายถึง ราคาต่ำสุดในช่วงเวลาดังกล่าว
  • Close คือ ราคาปิดของเซสชันนั้น

หลังจากกำหนดระดับตรงกลางนี้แล้ว ระดับแนวรับและแนวมต้านจะถูกสร้างขึ้นจากสูตรง่าย ๆ ดังนี้:

  • แนวบรรเทา 1 (S1): ( (2 \times PP) - High )
  • แนวบรรเทา 2 (S2): ( (2 \times PP) - Low )
  • แนวมต้าน 1 (R1): ( (2 \times PP) - Low )
  • แนวมต้าน 2 (R2): ( (2 \times PP) - High )

สูตรเหล่านี้สร้างชั้นต่าง ๆ ของจุดเปลี่ยนแปลงภายในวันหรือช่วงเวลานั้น ช่วยให้นักเทรดสามารถประมาณตำแหน่งที่ราคาอาจพบฐานชั่วคราวหรือยอดสูงสุด/ต่ำสุดได้

Types of Support and Resistance Levels

ระดับสนับสนุนคือพื้นที่ใต้จุด pivot ซึ่งความสนใจในการซื้อสามารถหยุดหรือย้อนกลับทิศทางลง ในขณะที่ระดับแนวมต้านเหนือกว่าคือโซนที่แรงขายอาจจำกัดความก้าวหน้าขึ้นไป

โดยทั่วไป:

  • S1 จะอยู่ใกล้กับจุด pivot มากกว่า S2 เช่นเดียวกัน R1 จะใกล้กว่า R2 เทรดเดอร์มักจับตามองเส้นเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพราะเป็นเส้นเชิงจิตวิทยาที่มีพื้นฐานจากข้อมูลย้อนหลัง เช่น:

ตัวอย่างเช่น:

  • หากราคาของสินทรัพย์เข้าใกล้ S1 ในขณะที่อยู่ในช่วงขาลง แต่ then รีบาวด์ขึ้น—นี่ยืนยันบทบาทของ S1 ในฐานะสนับสนุน
  • ตรงกันข้าม หากราคาเคลื่อนตัวขึ้นไปแตะ R1 หรือ R2 โดยไม่ทะลุผ่าน convincingly—เส้นเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกำแพงบ่งบอกพื้นที่เปลี่ยนทิศทางได้ดี

ความเข้าใจแต่ละเลเยอร์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเตรียมแผนเข้าซื้อบริเวณโซนสนับสนุน หรือออกเมื่อใกล้ถึงโซนอัปเปอร์เรสตันซ์ด้วยความมั่นใจมากขึ้น

Practical Uses of Pivot Points in Trading Strategies

pivot points มีบทบาทหลากหลายตามเงื่อนไขตลาด:

Range Trading

ในตลาด sideways ที่ไม่มีแนวนอนชัดเจน เทรดเดอร์มักจะซื้อบริเวณ support อย่าง S1 แล้วตั้งเป้าขายบริเวณ resistance เช่น R1 หรือ R2 วิธีนี้ใช้ประโยชน์จากแรงสั่นสะเทือนตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

Trend Following

เมื่อราคาทะลุผ่านเส้น resistance อย่าง R1 หรือ R2 ด้วย volume ที่เพิ่มขึ้น — สัญญาณ breakout อาจหมายถึงเริ่มต้นของแนวนอนใหม่ เทรดเดอร์อาจเข้าสถานะตามโมเมนตัมนี้ แทนที่จะพึ่งเพียงเส้น support/resistance แบบนิ่งๆ

Scalping

เนื่องจากง่ายต่อการใช้งานและตอบสนองรวดเร็วบนกราฟ intraday เช่น นาที การใช้ pivot points จึงนิยม among scalpers ซึ่งตั้ง stop-loss เข้าที่ต่ำกว่าระดับ support หรือต่ำกว่า resistance เพื่อเก็บเกี่ยวผลกำไรแบบรวบรัด

โดยผสมผสานกับ indicator อื่นๆ เช่น Moving Averages หรือ RSI ก็จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น

Recent Trends: Adoption in Cryptocurrency Markets

แม้ว่าจะเริ่มต้นจากตลาดหุ้นและฟอเร็กซ์ แต่ pivot points ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้ค้า crypto ในปีหลัง Platforms อย่าง Binance และ Coinbase เริ่มมีเครื่องมือคำนวณ pivots รายวันให้โดยอัตโนมัติ จากข้อมูล high-low-close ของเหรียญคริปโตที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเครื่องมือนี้มีบทบาทสำคัญมากขึ้น amidst ตลาดคริปโตที่ผันผวนสูง ตลาด crypto มักแสดงคลื่นแรงกระแทกฉับพลัน driven by ข่าวสาร ดังนั้น การมี reference level ชัดเจนครอบคลุมเช่น pivots จึงช่วยจัดการความเสี่ยงได้ดี ยิ่งไปกว่าการใช้งานแบบ manual ยังรองรับระบบ algorithmic trading ที่ตั้งโปรแกรมไว้เพื่อดำเนินคำสั่งซื้อขายแบบ real-time ตามเงื่อนไขต่าง ๆ ของ pivots เหล่านี้อีกด้วย

Combining Pivot Points With Other Technical Indicators

เพื่อเพิ่มความแม่นยำ — และลดข้อจำกัดบางประการของ technical analysis เพียงอย่างเดียว นักเทรดยังนิยมรวม pivot points กับ indicator อื่น ๆ เช่น:

  • Moving Averages: เพื่อยืนยันทิศทาง trend
  • RSI: สำหรับตรวจสอบ overbought/oversold ใกล้ zone สำคัญ
  • Bollinger Bands: วิเคราะห์ volatility รอบๆ โซนอุปกรณ์รองรับ/ต่อต้านหลัก

วิธีหลายเลเยอร์นี้ช่วยให้คำตอบด้าน decision-making แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้รับ confirmation จากหลายเครื่องมือประกอบกัน

Limitations And Risks Of Using Pivot Points

แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือยอดนิยม — แต่ก็ไม่ได้ปราศจากข้อผิดพลาด:

Overreliance Can Lead To Poor Decisions

บางครั้งนักเทรดยึดติดกับ pivots มากเกินไป โดยไม่พิจารณาข้อมูลพื้นฐานอื่น ๆ ซึ่งนำไปสู่อาการ overtrading เมื่อข่าวสารภายนอกส่งผลกระทบต่อตลาดเกินกว่าที่โมเดล technical คาดการณ์ไว้

Market Volatility Challenges

ช่วงเวลาแห่งข่าวฉุกเฉินหรือ volatility สูง การใช้เครื่องมือ static อย่างเช่น pivots อาจลดประสิทธิภาพ เพราะ market move จริงๆ อาจทะลุผ่าน support/resistance ได้ทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว

Ignoring Fundamental Factors

เน้นแต่ chart pattern เพียงด้านเดียว ลืมนึกถึงปัจจัยพื้นฐานสำคัญ เช่น รายงานเศรษฐกิจ หรือ shift ทาง macroeconomic ที่ส่งผลต่อ long-term trend มากกว่า data high-low-close เดิม

The Role Of Pivot Points Today

แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องข้อจำกัดเมื่อเกิด volatile markets — แต่ก็ยังถือว่า indispensable เนื่องด้วยความเรียบง่าย & ความรวดเร็วในการคิด รวมทั้งยังถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบ automation เพื่อดำเนินคำสั่งซื้อขายตาม rules ที่กำหนดไว้เอง

Popularity ของมันก็เพิ่มสูง especially within crypto communities เพราะเสนอ insights เร็วจับ movements ระยะสั้น ท่ามกลาง environment ที่ unpredictable ซึ่งนี่คือข้อดีสำคัญ given the notorious volatility profiles ของ cryptocurrencies อีกทั้งยังรองรับระบบ algorithmic trading อีกด้วย

Key Takeaways About Pivot Point Levels

เพื่อสรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับเครื่องมือนี้:

  • สูตรหลักสำหรับหาค่า daily pivot คือค่าเฉลี่ย high-low-close เมื่อวันก่อน
  • เส้น support & resistance ช่วยระบุพื้นที่ bounce-back potential & breakout zones
  • สามารถปรับใช้ได้ทุก timeframe—from intraday scalping ไปจนถึง swing trades ระยะยาว
  • ผสมผสานกับ indicator ตัวอื่น เพิ่ม reliability แต่ไม่ควรมองข้าม fundamental factors เมื่อเหมาะสม
  • การใช้งานแพร่หลายมากขึ้น ทั้งใน emerging markets อย่าง cryptocurrencies เนื่องด้วย ease-of-use & real-time applicability

เมื่อคุณเข้าใจ how levels ทำงาน—and นำมาใช้อย่างรู้จัก—คุณจะสามารถ navigate ตลาด complex ได้อย่างมั่นใจ พร้อมจัดการ risk ได้ดีเยี่ยม

Final Thoughts: Using Pivot Points Effectively

แม้ว่าไม่มี indicator ใดยืนหนึ่งที่จะ guarantee success — สิ่งสำคัญคือ ต้องรวม tools ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้ง volume analysis & fundamental research—to build resilient strategies สำหรับโลกยุคใหม่เต็มไปด้วย dynamic markets. ไม่ว่าจะ day-trading หุ้น หรือเล่นเหรียญ crypto ผิวสัมผัส clarity จาก reference lines พื้นฐานเหล่านี้ ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของ toolkit สำเร็จรูปสำหรับทุก trader ถ้าเลือกใช้ร่วมกันอย่างฉลาด

14
0
0
0
Background
Avatar

Lo

2025-05-19 03:25

ระดับ Pivot Point คืออะไร?

What Are Pivot Point Levels in Trading?

ระดับจุดศูนย์กลาง (Pivot Point Levels) เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่นักเทรดและนักลงทุนใช้เพื่อระบุโซนแนวรับและแนวต้านที่เป็นไปได้ในตลาดการเงิน เดิมทีได้รับความนิยมในกลุ่มเทรดเดอร์บนพื้นตลาดในช่วงทศวรรษ 1980 เครื่องมือนี้ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคของสินทรัพย์หลากหลายประเภท รวมถึงหุ้น, ฟอเร็กซ์, สินค้าโภคภัณฑ์ และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในคริปโตเคอร์เรนซี จุดประสงค์หลักคือช่วยให้ผู้เข้าร่วมตลาดสามารถประมาณแนวโน้มโดยรวมและระบุระดับราคาสำคัญที่อาจเกิดการกลับตัวหรือ breakout ได้

ในแก่นแท้แล้ว จุดศูนย์กลางทำหน้าที่เป็นระดับอ้างอิงกลางซึ่งได้มาจากข้อมูลการซื้อขายก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะราคาสูงสุด ต่ำสุด และราคาปิดของเซสชันก่อนหน้า ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลนี้พร้อมกับระดับแนวรับ-แนวต้านที่คำนวณจากมัน นักเทรดสามารถพัฒนากลยุทธ์สำหรับจุดเข้า-ออกที่มีข้อมูลประกอบมากขึ้น

How Are Pivot Points Calculated?

การคำนวณจุด pivot เป็นเรื่องง่ายแต่สำคัญต่อการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ จุด pivot หลัก (PP) คำนวณด้วยสูตรดังนี้:

[ \text{Pivot Point} = \frac{\text{High} + \text{Low} + \text{Close}}{3} ]

โดย:

  • High หมายถึง ราคาสูงสุดในช่วงเวลาการซื้อขายก่อนหน้า
  • Low หมายถึง ราคาต่ำสุดในช่วงเวลาดังกล่าว
  • Close คือ ราคาปิดของเซสชันนั้น

หลังจากกำหนดระดับตรงกลางนี้แล้ว ระดับแนวรับและแนวมต้านจะถูกสร้างขึ้นจากสูตรง่าย ๆ ดังนี้:

  • แนวบรรเทา 1 (S1): ( (2 \times PP) - High )
  • แนวบรรเทา 2 (S2): ( (2 \times PP) - Low )
  • แนวมต้าน 1 (R1): ( (2 \times PP) - Low )
  • แนวมต้าน 2 (R2): ( (2 \times PP) - High )

สูตรเหล่านี้สร้างชั้นต่าง ๆ ของจุดเปลี่ยนแปลงภายในวันหรือช่วงเวลานั้น ช่วยให้นักเทรดสามารถประมาณตำแหน่งที่ราคาอาจพบฐานชั่วคราวหรือยอดสูงสุด/ต่ำสุดได้

Types of Support and Resistance Levels

ระดับสนับสนุนคือพื้นที่ใต้จุด pivot ซึ่งความสนใจในการซื้อสามารถหยุดหรือย้อนกลับทิศทางลง ในขณะที่ระดับแนวมต้านเหนือกว่าคือโซนที่แรงขายอาจจำกัดความก้าวหน้าขึ้นไป

โดยทั่วไป:

  • S1 จะอยู่ใกล้กับจุด pivot มากกว่า S2 เช่นเดียวกัน R1 จะใกล้กว่า R2 เทรดเดอร์มักจับตามองเส้นเหล่านี้อย่างใกล้ชิดเพราะเป็นเส้นเชิงจิตวิทยาที่มีพื้นฐานจากข้อมูลย้อนหลัง เช่น:

ตัวอย่างเช่น:

  • หากราคาของสินทรัพย์เข้าใกล้ S1 ในขณะที่อยู่ในช่วงขาลง แต่ then รีบาวด์ขึ้น—นี่ยืนยันบทบาทของ S1 ในฐานะสนับสนุน
  • ตรงกันข้าม หากราคาเคลื่อนตัวขึ้นไปแตะ R1 หรือ R2 โดยไม่ทะลุผ่าน convincingly—เส้นเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นกำแพงบ่งบอกพื้นที่เปลี่ยนทิศทางได้ดี

ความเข้าใจแต่ละเลเยอร์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถเตรียมแผนเข้าซื้อบริเวณโซนสนับสนุน หรือออกเมื่อใกล้ถึงโซนอัปเปอร์เรสตันซ์ด้วยความมั่นใจมากขึ้น

Practical Uses of Pivot Points in Trading Strategies

pivot points มีบทบาทหลากหลายตามเงื่อนไขตลาด:

Range Trading

ในตลาด sideways ที่ไม่มีแนวนอนชัดเจน เทรดเดอร์มักจะซื้อบริเวณ support อย่าง S1 แล้วตั้งเป้าขายบริเวณ resistance เช่น R1 หรือ R2 วิธีนี้ใช้ประโยชน์จากแรงสั่นสะเทือนตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ล่วงหน้า

Trend Following

เมื่อราคาทะลุผ่านเส้น resistance อย่าง R1 หรือ R2 ด้วย volume ที่เพิ่มขึ้น — สัญญาณ breakout อาจหมายถึงเริ่มต้นของแนวนอนใหม่ เทรดเดอร์อาจเข้าสถานะตามโมเมนตัมนี้ แทนที่จะพึ่งเพียงเส้น support/resistance แบบนิ่งๆ

Scalping

เนื่องจากง่ายต่อการใช้งานและตอบสนองรวดเร็วบนกราฟ intraday เช่น นาที การใช้ pivot points จึงนิยม among scalpers ซึ่งตั้ง stop-loss เข้าที่ต่ำกว่าระดับ support หรือต่ำกว่า resistance เพื่อเก็บเกี่ยวผลกำไรแบบรวบรัด

โดยผสมผสานกับ indicator อื่นๆ เช่น Moving Averages หรือ RSI ก็จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น

Recent Trends: Adoption in Cryptocurrency Markets

แม้ว่าจะเริ่มต้นจากตลาดหุ้นและฟอเร็กซ์ แต่ pivot points ก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในหมู่ผู้ค้า crypto ในปีหลัง Platforms อย่าง Binance และ Coinbase เริ่มมีเครื่องมือคำนวณ pivots รายวันให้โดยอัตโนมัติ จากข้อมูล high-low-close ของเหรียญคริปโตที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเครื่องมือนี้มีบทบาทสำคัญมากขึ้น amidst ตลาดคริปโตที่ผันผวนสูง ตลาด crypto มักแสดงคลื่นแรงกระแทกฉับพลัน driven by ข่าวสาร ดังนั้น การมี reference level ชัดเจนครอบคลุมเช่น pivots จึงช่วยจัดการความเสี่ยงได้ดี ยิ่งไปกว่าการใช้งานแบบ manual ยังรองรับระบบ algorithmic trading ที่ตั้งโปรแกรมไว้เพื่อดำเนินคำสั่งซื้อขายแบบ real-time ตามเงื่อนไขต่าง ๆ ของ pivots เหล่านี้อีกด้วย

Combining Pivot Points With Other Technical Indicators

เพื่อเพิ่มความแม่นยำ — และลดข้อจำกัดบางประการของ technical analysis เพียงอย่างเดียว นักเทรดยังนิยมรวม pivot points กับ indicator อื่น ๆ เช่น:

  • Moving Averages: เพื่อยืนยันทิศทาง trend
  • RSI: สำหรับตรวจสอบ overbought/oversold ใกล้ zone สำคัญ
  • Bollinger Bands: วิเคราะห์ volatility รอบๆ โซนอุปกรณ์รองรับ/ต่อต้านหลัก

วิธีหลายเลเยอร์นี้ช่วยให้คำตอบด้าน decision-making แข็งแกร่งยิ่งขึ้น พร้อมทั้งได้รับ confirmation จากหลายเครื่องมือประกอบกัน

Limitations And Risks Of Using Pivot Points

แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือยอดนิยม — แต่ก็ไม่ได้ปราศจากข้อผิดพลาด:

Overreliance Can Lead To Poor Decisions

บางครั้งนักเทรดยึดติดกับ pivots มากเกินไป โดยไม่พิจารณาข้อมูลพื้นฐานอื่น ๆ ซึ่งนำไปสู่อาการ overtrading เมื่อข่าวสารภายนอกส่งผลกระทบต่อตลาดเกินกว่าที่โมเดล technical คาดการณ์ไว้

Market Volatility Challenges

ช่วงเวลาแห่งข่าวฉุกเฉินหรือ volatility สูง การใช้เครื่องมือ static อย่างเช่น pivots อาจลดประสิทธิภาพ เพราะ market move จริงๆ อาจทะลุผ่าน support/resistance ได้ทันทีโดยไม่ทันตั้งตัว

Ignoring Fundamental Factors

เน้นแต่ chart pattern เพียงด้านเดียว ลืมนึกถึงปัจจัยพื้นฐานสำคัญ เช่น รายงานเศรษฐกิจ หรือ shift ทาง macroeconomic ที่ส่งผลต่อ long-term trend มากกว่า data high-low-close เดิม

The Role Of Pivot Points Today

แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องข้อจำกัดเมื่อเกิด volatile markets — แต่ก็ยังถือว่า indispensable เนื่องด้วยความเรียบง่าย & ความรวดเร็วในการคิด รวมทั้งยังถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบ automation เพื่อดำเนินคำสั่งซื้อขายตาม rules ที่กำหนดไว้เอง

Popularity ของมันก็เพิ่มสูง especially within crypto communities เพราะเสนอ insights เร็วจับ movements ระยะสั้น ท่ามกลาง environment ที่ unpredictable ซึ่งนี่คือข้อดีสำคัญ given the notorious volatility profiles ของ cryptocurrencies อีกทั้งยังรองรับระบบ algorithmic trading อีกด้วย

Key Takeaways About Pivot Point Levels

เพื่อสรุปข้อควรรู้เกี่ยวกับเครื่องมือนี้:

  • สูตรหลักสำหรับหาค่า daily pivot คือค่าเฉลี่ย high-low-close เมื่อวันก่อน
  • เส้น support & resistance ช่วยระบุพื้นที่ bounce-back potential & breakout zones
  • สามารถปรับใช้ได้ทุก timeframe—from intraday scalping ไปจนถึง swing trades ระยะยาว
  • ผสมผสานกับ indicator ตัวอื่น เพิ่ม reliability แต่ไม่ควรมองข้าม fundamental factors เมื่อเหมาะสม
  • การใช้งานแพร่หลายมากขึ้น ทั้งใน emerging markets อย่าง cryptocurrencies เนื่องด้วย ease-of-use & real-time applicability

เมื่อคุณเข้าใจ how levels ทำงาน—and นำมาใช้อย่างรู้จัก—คุณจะสามารถ navigate ตลาด complex ได้อย่างมั่นใจ พร้อมจัดการ risk ได้ดีเยี่ยม

Final Thoughts: Using Pivot Points Effectively

แม้ว่าไม่มี indicator ใดยืนหนึ่งที่จะ guarantee success — สิ่งสำคัญคือ ต้องรวม tools ต่าง ๆ เข้าด้วยกัน ทั้ง volume analysis & fundamental research—to build resilient strategies สำหรับโลกยุคใหม่เต็มไปด้วย dynamic markets. ไม่ว่าจะ day-trading หุ้น หรือเล่นเหรียญ crypto ผิวสัมผัส clarity จาก reference lines พื้นฐานเหล่านี้ ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของ toolkit สำเร็จรูปสำหรับทุก trader ถ้าเลือกใช้ร่วมกันอย่างฉลาด

JuCoin Square

คำเตือน:มีเนื้อหาจากบุคคลที่สาม ไม่ใช่คำแนะนำทางการเงิน
ดูรายละเอียดในข้อกำหนดและเงื่อนไข